สวนส้ม..ธนาธร
เดินเที่ยวสวนส้มธนาธร ที่อำเภอฝาง???? น้อยคนนักที่จะไม่เคยทานส้ม แล้วเคยทานส้มเคยสังเกตุกันใหมครับว่าส้มที่ทานอยู่มาจากที่ใหน “สวนส้มธนาธร” ชื่อนี้คงจะคุ้นหูไม่มากก็น้อยล่ะครับ หนึ่งในสวนส้มที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ส่งส้มไปขายทั้งในและนอกประเทศ ด้วยส้มที่มีคุณภาพ ครั้งนี้มีโอกาศดีได้ไปเที่ยวไร่สวนส้มธนาธร ที่อำเภอฝางจังหวัดเชียงใหม่ เลยเก็บบรรยากาศมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครจะสนใจมาเที่ยวสวนส้มธนาธร แหล่งท่องเที่เชิงเกษตรแห่งนี้กันบ้าง
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สวนส้มธนาธร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่เจ้าของสวนส้มธนาธร คุณบัณฑูร จิระวัฒนากูล ผู้ก่อตั้งสวนส้มธนาธรจัดว่าเป็นคนสู้ชีวิตที่น่านับถือคนหนึ่งเลยครับ กว่าจะมาเป็นเจ้าของสวนส้มที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ชีวิตแกล้มลุกคลุกคลานมากกว่าจะ มีวันนี้ได้ ลองไปดูประวัติได้ที่เว็บไซต์ http://www.tntorchard.com รวมทั้งข้อมูลต่างๆของสวนส้มธนาธร
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สวนส้มธนาธร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่เจ้าของสวนส้มธนาธร คุณบัณฑูร จิระวัฒนากูล ผู้ก่อตั้งสวนส้มธนาธรจัดว่าเป็นคนสู้ชีวิตที่น่านับถือคนหนึ่งเลยครับ กว่าจะมาเป็นเจ้าของสวนส้มที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ชีวิตแกล้มลุกคลุกคลานมากกว่าจะ มีวันนี้ได้ ลองไปดูประวัติได้ที่เว็บไซต์ http://www.tntorchard.com รวมทั้งข้อมูลต่างๆของสวนส้มธนาธร
มีโอกาศได้ไปเที่ยวสวนส้มธนาธรที่ฝางมาครับ เลยเก็บข้อมูลและรูปภาพมาฝากกันสักหน่อย บรรยากาศสวนส้มดีมากๆเลย พอดีได้รับความอนุเคราะห์จากสวนส้มธนาธร มีเจ้าหน้าที่ของสวนส้มธนาธร พาเที่ยวด้วย
ออกบ้านตอนเช้ามืดจากเมืองเชียงใหม่ไปที่ อ.ฝาง ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่าๆ ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่เร็วมากนัก ไปถึงหน้าสำนักงานธนาธรเชียงใหม่ในอำเภอฝาง ไปรับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่จะพาเราไปเที่ยวสวนส้มธนาธร เราไปเที่ยวสวนส้มธนาธรกันทั้งหมด 3 ที่ด้วยกัน เริ่มต้้นด้วยการเดินทางไปเที่ยวที่สวนสัมธนาธร(บ้านลาน) ขับเลยสำนักงานไปหน่อยเลี้ยวซ้ายไป เจอสี่แยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายอีกทีหนึ่งเดินทางไปสวนส้มที่บ้านลานขับรถประมาณ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ที่นี่สวนส้มปลูกขึ้นไปตามไหล่เขาสุงลูกหูลูกตากว้างมากๆครับ มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ พอดีไปถึงช่วงเช้าอากาศเย็นหน่อย แดดไม่แรงมาก มีรถให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนั่งเพื่อพาเที่ยวรอบๆสวน ที่นี่มีละครหลายเรื่องที่มาใช้สถานที่ในการถ่ายละคร มีบ้านพักอยู่กลางสวนหลังหนึ่ง มองลงมาข้างล่างจะเห็นสวนโดยรอบ หน้าหน้าจะมองเห็นเขื่อนด้วย มีบริการให้ตัดส้มจากไร่โดยจะมีถุงให้ใบหนึ่งเป็นถุงผ้า แล้วก็กรรไกร กิโลกรัมละ 30 บาท ณ.ตอนที่ไปตัด ที่นี่ยังมีของฝากขายด้วย ส่วนมากก็จะเป็นส้ม และผลิตภัณฑ์ของสวนส้มธนาธร เที่ยวที่นี่เสร็จไปกันต่อที่สวนส้มธนาธร(ท่าตอน)
ออกจาดสวนส้มธนาธร(บ้านลาน) ไปสวนส้มธนาธร(ท่าตอน) ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่ง สวนส้มของที่นี่กว้างประมาณ 400กว่าไร่ เส้นทางสายที่เดินทางมาท่าตอนสามารถเดินทางไป จ.เชียงรายได้ จะไปโผล่ตรงแยกที่จะไป อ.แม่สาย กลับมาที่สวนส้มธนาธร(ท่าตอน)กันต่อ สวนส้มที่นี่ก็จะมีบริการคล้ายๆ กันแต่ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะการเดินทางที่สะดวก ติดถนนใหญ่ มีคณะท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสาย ที่นี่บรรยากาศก็จะสวยไปอีกแบบจากสวนธนาธร(บ้านลาน)
ออกจากสวนธนาธร(ท่าตอน) กลับไปที่สำนักงานธนาธรเชียงใหม่ อ.ฝาง ไปชมกระบวนการหลังเก็บเกี่ยวก่อนการนำไปขาย ส้มที่เก็บจากไร่จะถูกส่งมาที่นี่เพื่อทำความสะอาด และคัดคุณภาพ ตรวจสารปนเปื้อน ก่อนขนส่งไปขาย ส้มธนาธรเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยหลักๆ ที่เด่นๆ คือ ส้มจะถูกตรวจสอบสารปนเปื้อนทุกครั้งก่อนนำไปผ่านกระบวนการ ส้มจะถูกทำความสะอาดด้วยน้ำ การแว็กซ์ส้มจะใช้สารจากธรรมชาติ(การแว็กซ์คือการทำให้ผิวส้มดูเรียบและมัน วาวทำให้น่าทาน ส้มที่เก็บมาจากต้นผิวไม่ได้เรียบน่ะครับ)
ความจริงยังมีสวนส้มธนาธรอีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานธนาธรมากนัก แต่ที่นี่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม เป็นสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดของสวนส้มธนาธร มีเนื้อที่ประมาณ 1000 กว่าไร่ ที่ไม่เปิดให้เข้าชมเพราะต้นส้มค่อนข้างจะบอบบาง ติดเชื้อได้ง่าย จึ่งต้อนอยู่ในการดูแลและควบคุม เจ้าหน้าที่ของธนาธรยังให้ข้อมูลอีกว่า มีสวนส้มที่ประเทศพม่า อีกประมาณ 2000 กว่าไร่ และสวนส้มที่ประเทศลาวอีกประมาณ 1000 กว่าไร่
การมาเที่ยวครั้งนี้ได้ความรู้เรื่องส้ม และความสุขจากการท่องเที่ยวมามากพอสมควรเลยทีเดียว ต้องขอขอบคุณสวนส้มธนาธร แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรไว้ด้วย…ขอบคุณครับ ใครมีโอกาศอย่าลืมไปเที่ยวน่ะครับ แนะนำให้ไปเที่ยวหน้าหนาวน่ะครับ เพราะส้มมีผลผลิตในช่วงฤดูหนาวมาก
การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว สวนส้มธนาธร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
เดินทางออกจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ไปทางอำเภอฝาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เป็นระยะทางประมาณ 150 กโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะถึงสำนักงานธนาธรเชียงใหม่ ในอ.ฝาง เดินทางจากสำนักงานธนาธร ไปสวนส้มธนาธร(บ้านลาน)อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาอีก 40 นาที และจากสำนักงานธนาธร ไปสวนส้มธนาธร(ท่าตอน)อีกประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง
.....ไร่จุ่นจันทร์
พุทรานมสดปลอดสารพิษ ที่ “ไร่จุ่นจันทร์” คุณภาพคับลูก
พุทราธรรมดาๆ ฟังดูไม่น่าตื่นเต้น เกษตรกรวังน้ำเขียวจึงสร้างความตื่นเต้นด้วยการปลูกพุทรานมสด รสชาติหวานกรอบเจือด้วยกลิ่นหอมๆ ของนมสด เอาใจคนชอบผลไม้ ที่สวนพุทรานมสดไร่จุ่นจันทร์ เราจะได้พบกับพุทรานมสดปลอดสารพิษที่อัดแน่นด้วยคุณภาพจากการดูแลรักษาอย่าง ดีตั้งแต่เริ่มปลูกกระทั่งถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถแวะเที่ยวชมสวน มาซื้อมาเก็บพุทราเองได้ ถ้าชอบทานรสชาติอร่อยเข้มข้นให้มองหาลูกเล็กๆ ก่อน เนื่องจากรสชาติของพุทราจะเจือจางลงบ้างตามขนาดลูกที่ใหญ่ขึ้น
สถานีทดลองพืชสวนฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ในการพัฒนาการปลูกลิ้นจี่เพื่อการส่งออก สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาขึ้น ที่อำเภอฝาง ระหว่างวันที่ ๘-๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๑ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องของผู้ปลูกลิ้นจี่ และผู้ส่งขายลิ้นจี่ภายในและต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาการปลูกลิ้นจี่ในประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า โดยทางสมาคมฯ ได้เชิญนักวิชาการ ผู้ชำนาญการปลูกลิ้นจี่ ชาวสวนลิ้นจี่ภาคเหนือ และผู้ส่งออกลิ้นจี่ออกนอก มาร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนั้น ที่ประชุมได้กล่าวเน้นถึงความสำคัญของเรื่องการหาลิ้นจี่พันธุ์ดีมาทดแทนพันธุ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อทำให้ลิ้นจี่ของเมืองไทยพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยการหาลิ้นจี่พันธุ์ใหม่ลูกผสมที่มีคุณภาพ และนำลิ้นจี่พันธุ์ดี ๆจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นแหล่งลิ้นจี่พันธุ์ดีและแหล่งกำเนิดปลูกลิ้นจี่ของโลก ทำการศึกษาและทดสอบการปลูกในเมืองไทย
ในการเสาะแสวงหาลิ้นจี่พันธุ์ดีที่เหมาะสมกับเมืองไทย สภานีทดลองพืชสวนฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี โดยมีแปลงทดลองศึกษาพันธุ์ลิ้นจี่จากแหล่งต่าง ๆ ของโลกไว้ ในขณะนี้ได้รวบรวมพันธุ์ที่เห็นว่าดีมีอนาคตไว้ถึง ๒๑ พันธุ์ เพื่อศึกษาลักษณะพันธุ์ลิ้นจี่เหล่านั้นโดยละเอียด ในขณะเดียวกันทางสถานีฯ ได้ศึกษาพันธุ์ดีพันธุ์ใหม่ ที่มีอยู่ในสวนของเกษตรกรแล้วด้วย
ประกวด-เพื่อหาพันธุ์ดี
การประกวดลิ้นจี่แต่ละปี ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการปลูกลิ้นจี่ให้มีคุณภาพดีขึ้น จะได้ลิ้นจี่พันธุ์ดีมาปลูกทดแทนพันธุ์เก่าที่มีอยู่แล้ว
ในปีพ.ศ.๒๕๓๑ ก็มีการจัดงานเทศกาลลิ้นจี่เชียงใหม่ขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๓๐ พฤษภาคม ณ ตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการประกวดลิ้นจี่ ขายลิ้นจี่ราคาถูก ขายพืชผลของเกษตรกร ประกวดหอมหัวใหญ่ กระเทียม กะหล่ำปลี และประกวดธิดาลิ้นจี่
ทางด้านสถานีทดลองพืชสวนฝางได้จัดให้มีนิทรรศการลิ้นจี่ เพื่อเผยแพร่ความรู้ในการปลูกลิ้นจี่ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ และร่วมมือกับทางเกษตรอำเภอจัดให้มีการประกวดลิ้นจี่พันธุ์ต่าง ๆ โดยได้แยกออกเป็น ๕ ประเภท ตามพันธุ์ คือ พันธุ์โฮงฮวย โอเฮียะ กิมเจง จักรพรรดิ และ พันธุ์อื่น ๆ
สำหรับการประกวดลิ้นจี่ทั้ง ๕ ประเภทปีนี้คณะกรรมการได้เชิญ นาย เค อาร์ แชพแมน ผู้เชี่ยวชาญลิ้นจี่ในประเทศไทย มาร่วมเป็นกรรมการตัดสินประกวดลิ้นจี่ประเภทต่าง ๆ ทั้ง ๕ ประเภทด้วย นายแชพแมนเคยไปศึกษาเรื่องการปลูกลิ้นจี่และพันธุ์ลิ้นจี่ที่เมืองจีนยาวนานถึง ๘ ปี จึงได้ทราบว่าลิ้นจี่เมืองจีนพันธุ์ไหนดีและไม่ดีตรงจุดไหน
นอกเหนือจากลิ้นจี่ ๔ ประเภทแรกที่ได้รับรางวัลแล้ว ลิ้นจี่พันธุ์อื่น ๆ ที่ได้รับรางวัลมี ๓ รางวัล และที่น่าสนใจก็คือ ลิ้นจี่พันธุ์ที่ได้รับรางวัลที่ ๑ ซึ่งไม่ทราบชื่อพันธุ์เป็นลิ้นจี่ของ นายบุญชอบ เกียรตินิยม หมู่ ๑ ตำบลหนองบัว กิ่งอำเภอไชยปราการ (เดิมเป็นอำเภอฝางตอนใต้) จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับลิ้นจี่ที่ไม่ทราบชื่อพันธุ์นี้ นายแชพแมนยืนยันว่าเป็นพันธุ์ดีพันธุ์หนึ่งของเมืองจีนมีชื่อพันธุ์ว่า “ไกวเม่-พิ้งค์”
ความเป็นมาของลิ้นจี่พันธุ์ “ไกวเม่-พิ้งค์” หรือ “ฝาง ๔๑”
ความหมายของ “ไกวเม่-พิ้งค์” นี้คือ ไกว มาจาก ก้วยหรือฮวย แปลว่า ดอก เว่หรือเม่ แปลว่า ดอกไม้ ดังนั้น จึงมีชื่อว่า ลิ้นจี่พันธุ์ดอกไม้ เป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพดีพันธุ์หนึ่งของเมืองจีน
ลิ้นจี่พันธุ์ “ไกวเม่-พิ้งค์” มีความหวานมากกว่าพันธุ์อื่น เมล็ดเล็กบางลีบ เปลือกผลบาง หนามแหลมห่างใบเล็กกว้าง ใบบางสีไม่เขียวจัด ในวันที่เกษตรกรส่งเข้าประกวดลิ้นจี่พันธุ์นี้มีความหวานถึง ๒๑℅ นับว่าหวานมาก
ลิ้นจี่พันธุ์ไกวเม่-พิ้งค์นี้ นอกจากมีผลกลมโตเนื้อหนาแล้ว ยังมีลักษณะพิเศษประจำพันธุ์คือมีกลิ่นหอม เมื่อแก่จัด ดังนั้น จึงเป็นพันธุ์ดีพันธุ์หนึ่งซึ่งควรจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกให้มาก ในขณะนี้มีพันธุ์นี้ที่สวนเอกชน ๒-๓ แห่ง และที่สถานีทดลองพืชสวนฝางก็มีอยู่ในแปลงศึกษาพันธุ์ของสถานีฯ อายุต้นประมาณ ๑๐ ปี
ประวัติโดยย่อทางการได้ลิ้นจี่ไกวเม่-พิ้งค์ หรือ ฝาง ๔๑ มาปลูก เริ่มประมาณ ๑๐ ปี ก่อนในสมัยที่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ไทยกับจีนแผ่นดินใหญ่มีความสัมพันธุ์ไมตรีอย่างแน่นแฟ้น พลเอกเกรียงศักดิ์ ได้สั่งพันธุ์ลิ้นจี่พันธุ์ต่าง ๆ มาให้กรมวิชาการเกษตรปลูกหลายพันธุ์เพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นพันธุ์ดีหลายพันธุ์ แต่เนื่องจากป้ายเบอร์หาย เมื่อต้นอ่อนมาถึง สถานีทดลองพืชสวนฝางจึงให้เบอร์ต้นที่แปลงศึกษาพันธุ์ว่า เกรียงศักดิ์ ๑-๒-๓-๔ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ผู้สั่งพันธุ์เข้ามา
ตามคำบอกเล่าของ ดร.สิงห์หน คำซาว เจ้าของสวนลิ้นจี่ห้วยงู ในตำบลแม่สูน อำเภอฝาง ซึ่งมีลิ้นจี่พันธุ์นี้อยู่ ๒๐ ต้น โดยได้มาเมื่อ ๑๐ ปีก่อนจากเมืองกวางเจา ซึ่งอยู่ตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่โดยผ่านทางฮ่องกง มาทางเรือในสภาพกิ่งตอน จำนวน ๕๐ กิ่ง ราคาในขณะนั้นกิ่งละ ๕๐๐ บาท แต่เมื่อนำมาปลูกในสวนลิ้นจี่ของท่านเพื่อศึกษาดูก่อนนั้น คงสู้กับหญ้าคาไม่ไหว บางต้นปลูกในที่ชื้นแฉะจึงล้มตายไป นับต้นดูขณะนี้คงเหลือ ๒๐ ต้น เมื่อทราบเป็นพันธุ์ดีมีความหวานมากกว่าพันธุ์อื่น ท่านก็บอกว่าจะกำจัดหญ้าคาให้หมด ใส่ปุ๋ยเต็มที่ เพื่อการขยายพันธุ์ต่อไป สำหรับราคากิ่งพันธุ์ ยังบอกไม่ได้ว่าจะขายกิ่งละเท่าใด ถ้าจะขายราคาเท่าที่ซื้อมา คงไม่มีใครอยากได้ เพราะแพงเกินไป

.jpg)

.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น